ผู้นำการปฏิบัติที่เป็นเลิศ เรื่องการจัดการหลักสูตรพหุปัญญา สำหรับเด็กปฐมวัย
รางวัลพระราชทานระดับก่อนประถมศึกษา ปีการศึกษา 2545 และ2550
โรงเรียนจารุวรรณ ได้ศึกษาวิจัยทฤษฎีพหุปัญญาด้วยการทำวิจัยร่วมในโครงการปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งโรงเรียน โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สภว.) นำทฤษฎีมาปรับใช้กับหลักสูตรของโรงเรียนและการบริหารจัดการอย่างจ่อเนื่องมาตั้งแต่ปีการศึกษา 2545-2547และได้ขยายผลสู่โรงเรียนอื่นๆที่สนใจทั่วประเทศ ผลจากการวิจัยและการพัฒนาครั้งนั้นทำให้ผู้บริหาร คณะครู และนักเรียนเกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และพัฒนาการเรียนการสอนมาอย่างต่อเนื่อง
ในปีการศึกษา 2548 โรงเรียนได้รับการคัดเลือกจากสภาการศึกษาให้เป็นโรงเรียนนำร่องเพื่อศึกษา วิจัยเรื่อง “การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับการทำงานของสมอง” ทำให้ครูได้เรียนรู้มากยิ่งขึ้น จนสามารถนำมาพัฒนา จัดทำนวัตกรรมชื่อกิจกรรม “กายเคลื่อนไหว ใจสงบ พบปัญญา”โดยได้รับทุนสนับสนุนการคิดค้นนวัตกรรมจากสภาการศึกษาเพื่อนำไปเผย แพร่ต่อไป
หลักสูตรที่โรงเรียนใช้อยู่ปัจจุบันจึงเป็นหลักสูตรเฉพาะของทางโรงเรียนที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และแสดงให้เห็นจุดเน้นในการพัฒนาเด็กในการบริหารโรงเรียนจารุวรรณ ซึ่งการจัดทำหลักสูตรใช้การมีส่วนร่วมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยพิจรณาจากปรัชญาของโรงเรียนทฤษฏีการเรียนรู้ ทฤษฏีจิตวิทยาพัฒนาการ และทฤษฏีพัฒนาการทางสติปัญญา ตลอดจนศึกษาสภาพความเปลี่ยนแปลงของสังคม
โรงเรียนพหุปัญญา (Multiple Intelligences School)
ในความหมายที่โรงเรียนนำมาใช้ คือเป็นโรงเรียนที่นำแนวคิดทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) ของโฮเวิร์ด การ์ดเนอร์(Howard Gardner) นักจิตวิทยาระบบประสาทแห่งมหาวิทยาลัยHarward มาเป็นจุดเน้นในการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรม ที่สำคัญคือผู้มีส่วนร่วมทุกฝ่ายในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาต้องมีความเข้าใจอย่างภ่องแท้เกี่ยวกับทฤษฎีที่จะนำมาใช้ทั้งยังต้องมีความเชื่ออย่างแท้จริงว่า เด็กทุกคนมีความสามารถทุกด้านอยู่ในตัวเพียงแต่มีมากน้อยต่างกัน แต่อย่างน้อยอต่ละคนจะมีความสามารถเด่น 1 อย่าง ซึ่งเด็กจะแสดงออกโดยนำความสามารถด้านที่เด่นออกมาใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆในชีวิตประจำวัน จึงต้องยอมรับว่า เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน
ผู้บริหาร / ครู / สภาพแวดล้อม
ผู้บริหารและผู้ปกครองของโรงเรียนจารุวรรณ มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ให้ความสนับสนุนที่เข้มแข็ง ผู้บริหารนิเทศติดตามการสอนของครูอย่างสม่ำเสมอ ทำให้รู้ความก้าวหน้า ตลอดจนร่วมแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเต็มทันท่วงที ขณะเดียวกันต้องปรับปรุงสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ท้าทายให้เด็กต้องกมารแสวงหาความรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ครูของโรงเรียนจารุวรรณ ทำหน้าที่สำคัญในฐานะผู้จัดการและอำนวยความสะดวกให้เด็กทุกคนได้มีโอกาสพัฒนาความสามารถที่มีอยู่แล้วให้สูงขึ้นอย่างเต็มศักยภาพของแต่ละบุคคล ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวันแบบบูรณาการให้เชื่อมโยงกันทั้งสาระ กระบวนการเรียนรู้และปัญญาทั้ง 9 ด้าน เพื่อให้นักเรียนเจริญงอกงามอย่างสมบูรณ์
สภาพแวดล้อมของโรงเรียนจารุวรรณ มีลักษณะอบอุ่นเหมือนบ้านหลังที่สองของเด็กผสมผสานกับความเป็นสวนสนุกที่ทำให้เด็กๆอยากมาโรงเรียนทุกวัน โดยมีทั้งคุณครูและเพื่อนๆเป็นผู้ร่วมคอก ร่วมทำ ร่วมเล่น และร่วมกันเรียนรู้อย่างมีความสุข
นอกจากการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนแล้ว โรงเรียนได้จัดศุนย์ค้นแววและส่งเสริมความสามารถของเด็กเป็นรายบุคคลนอกห้องเรียนในรูปแบบศุนย์พัฒนาพหุปัญญา( MI Development centre) 7 ศูนย์ ในแต่ละศูนย์มีครูที่ชำนาญในเรื่องนั้นๆเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบจัดกิจกรรมต่างๆ ให้สอดคล้องกับปัญญา 9 ด้าน ที่ Gardner แบ่งไว้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มแรก คือคณิตศาสตร์ และตรรกะ กลุ่มที่สอง คือ ดนตรี ภาษา และการเคลื่อนไหว กลุ่มที่สาม คือ ความฉลาดในการเข้าใจตัวเองและผู้อื่น
ความเชื่อของโรงเรียน สนุก เป็นพื้นฐานของการสร้างความสุขและการเรียนรู้
ปีการศึกษา 2545 ได้รับรางวัลโรงเรียนพระราชทาน ระดับก่อนประถมศึกษา ขนาดเล็กและได้รับรางวัลครั้งที่ 2 เมื่อปีการศึกษา 2550
ปีการศึกษา 2558 และ 2559 รางวัลเหรียญเงินผลการสอบ o-net
ปีการศึกษา 2560 รางวัลเหรียญทองผลการสอบ o-net
บทสรุปสำหรับผู้สนใจ
โรงเรียนจารุวรรณ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นบ้านแห่งการเรียนรู้สำหรับเด็กที่เน้นคุณภาพสูงสุดทุกด้าน เพื่อให้เด็กพัฒนาอย่างถูกต้องตามหลักจิตวิทยาพัฒนาการ มีพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการเรียนในชั้นที่สูงขึ้น
ระดับเตรียมอนุบาล และอนุบาล เตรียมความพร้อม อย่างเป็นองค์รวม ให้เด้กพัฒนาอย่างสมดุล ทั้งร่างกาย อารมณ์จิตใจ สังคม และสติปัญญา โดยจัดกิจกรรมอย่างหลากหลายให้เด็กเรียนรู้จากการเล่น และลงมือทำกิจกรรมต่างๆด้วยตนเอง มีโอกาสได้ปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมที่มีทั้งคุณครูชาวไทยและชาวต่างประเทศ วัสดุอุปกรณ์และธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น กล่อมเกลาจิตใจเด็กให้อ่อนโยน มีความสุข รักสิ่งแวดล้อม ได้สื่อสารภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติเจ้าของภาษา ในชีวิตประจำวันอย่างป็นธรรมชาติ
ระดับประถม ส่งเสริมความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและค้นคว้า ให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาสาระของแต่ละวิชา มีความสามารถในการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ รวมทั้งได้เรียนภาษาจีนเป็นภาษาที่ 3
จำนวนนักเรียนต่อห้อง
ระดับอนุบาล ห้องละ 25 คนมีคุณครูประจำชั้นคนไทยและครูชาวต่างประเทศ
ระดับอนุบาล 1-2 มีครูผู้ช่วยอีก 1 คน ระดับอนุบาล 3 ใช้ครูผู้ช่วยในอัตราส่วนครูต่อนักเรียน 1 : 10 คน
ระดับประถม ห้องละ 30 คน
แนวทางการจัดครูประจำชั้น
คำนึงถึงความรู้ความสามารถทั้งด้านคุณวุฒิการศึกษาและประสบการณ์การสอนตลอดจนคุณธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพครู จักให้ครูสอนตามความถนัดและความสามารถตรงกับวิชาเอก วิชาโทโดยมีคุณวุฒิตั้งแต่ระดับปริญญาตรีขึ้นไป
จัดประชุมเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนร่วมกับผู้บริหารสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อให้ผู้บริหารและครูทุกคนรู้จักเด็กอย่างทั่วถึง โดยไม่จำกัดเฉพาะห้องที่ประจำชั้นเท่านั้น
แนวทางการส่งเสริมศักยภาพนักเรียน
จัดหาครูพิเศษที่มีความเชี่ยวชสญเฉพาะด้านจากสภาบันภายนอกมาสอนเสริมให้กับนักเรียน ปัจจุบันมีครูพิเศษ สอนวิชาศิลปะ วิชาดนตรี วิชานาฏศิลป์ วิชาภาษาจีน วิชาคอมพิวเตอร์ และว่ายน้ำ นอกจากนึ้มีครูคณิตศาสตร์จากภายนอกมาสอนเสริมให้กับนักเรียนที่จะไปสอบแข่งขันความสามารถเป็นครั้งคราวและจัดชมรมให้นักเรียนได้พัฒนาศักภาพด้านการคิด คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
การสร้างเครือข่ายทางวิชาการกับสถาบันในประเทศและต่างประเทศ
เซ็นสัญญาความร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(สสวท)ร่วมกับสถาบัน Korea Education Reports and Evaluation Institute ประเทศเกาหลีในโครงการประเมินความสามารถในการแก้ปีญหาทางคณิตศาสตร์โดยใช้ข้อสอบของประเทศเกาหลีเพื่อเทียบเคียงสมรรถนะของนักเรียนไทยระดับชาติและกับประเทศเกาหลี
เป็นเครือข่ายกับ Ostfold University College Norway ส่งนักศึกษาณะศึกษาศาสตร์สาขาอนุบาลและประถมศึกษามาสังเกตการสอนและฝึกระสบการณ์ ประมาณ 1-2 สัปดาห์
เป็นสถานที่ศึกษาดูงานของโรงเรียนสังกัดต่างๆทั้งระดับอนุบาลและระดับประถมศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ